เลือกบริษัทรับเหมาสร้างบ้าน หรือตกแต่งภายใน อย่างไร?

    ไม่ว่าจะเป็นบ้านใหม่ หรือบ้านเก่า การตกแต่งภายในหรือ Built in ก็ยังเป็นสิ่งที่คนรักบ้านอยากจะทำเรื่อย ๆ เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่กำลังอยากเนรมิตบ้านหรือพื้นที่ใช้สอยของตัวเอง และคนในครอบครัวให้ออกมาสวย และมีคุณภาพนั้น จะต้องมองหาบริษัทออกแบบตกแต่งภายในไว้ทำหน้าที่รังสรรค์งานออกมาแทนความต้องการของเราได้

แต่รู้หรือไม่ว่ามีหลักในการเลือกบริษัทเหล่านี้เพื่อให้ได้ตรงตามมาตรฐาน และความต้องการของเราได้ตรงจุด

6 ขั้นตอนการเลือกบริษัทตกแต่งภายใน

1. บริษัทมีความน่าเชื่อถือ
   ◘ ต้องมีใบประกอบกิจการหรือใบอนุญาตเพราะเป็นมาตรฐานขั้นต้นที่บริษัททุก ๆ ที่ควรมี
   ◘ มีสัญญาว่าจ้างที่ชัดเจนระบุวันเวลาราคาการรับประกันต่าง ๆ ที่ต้องไม่เอาเปรียบผู้ว่าจ้างต้องมีรายละเอียดที่ครอบคลุม
2. ผลงาน
   ◘ บริษัทควรมีอัลบั้มภาพตัวอย่างงานทั้งการออกแบบตัวอย่างงานดีไซน์ และหน้างานจริงเพื่อให้ลูกค้าเห็นข้อเปรียบเทียบ และความแตกต่าง
   ◘ รีวิวจากลูกค้าหรือผู้ว่าจ้าง ในส่วนนี้สามารถตรวจสอบได้จากผลงานที่ออกมาหรือดูยอดผู้ติดตามช่องทางต่าง ๆ รวมไปถึงความพึงพอใจไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ ข้อความ หรือวีดีโอ
3. คุณภาพ
   วัสดุที่ใช้ต้องมีแบบมาตรฐานที่ทางบริษัทใช้เป็นประจำ หรือมีวัสดุหลากหลายรูปแบบให้ทางลูกค้าได้เลือก พร้อมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องมีมาตรฐานความแข็งแรง และความสวยงามต้องสอดคล้องกัน
4. ความเชี่ยวชาญ
   ◘ ทีมงานต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของ material ต่าง ๆ ต้องสามารถอธิบาย และแนะนำต่อลูกค้าได้
   ◘ มีทีมงานตรวจสอบ อาทิเช่น มัณฑนากร วิศวกรโยธา หรือสถาปนิก ที่คอยตรวจสอบหน้างาน และส่งมอบงานได้
   ◘ ประสบการณ์การทำงานของบริษัทช่าง และทีมออกแบบ
5. ความปลอดภัย
   ◘ ทุกหน้างานต้องมีอุปกรณ์ป้องกันระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เช่น หมวกนิรภัย แว่นตานิรภัย หน้ากากกันสารเคมี หน้ากากป้องกันสายตา และประกายไฟ อุปกรณ์กันเสียง ฯลฯ
   ◘ ต้องมีอุปกรณ์เสริมในการทำงาน หรือการขึ้นนั่งร้านจะต้องมีที่ยึดแข็งแรงเพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในการทำงานได้มากที่สุด
   ◘ ความละเอียดรอบคอบของทีมช่างถ้างานออกมาละเอียดระบบงานอื่น ๆ จะมีความละเอียดด้วย อาทิ ระบบสุขาภิบาล และระบบไฟ เป็นต้น
6. สามารถแบ่งชำระเงินเป็นงวดได้
   สิ่งสำคัญอย่างแรกที่เราต้องทราบคือ การแบ่งชำระเป็นงวด มีข้อดี และมีเกณฑ์อย่างไร ดังนั้นการแบ่งชำระงวดนั้นจึงสำคัญมากต่อการการันตีงานทีละสเต็ป นอกจากจะไม่ถูกทิ้งกลางทาง ยังเป็นการอัปเดตความคืบหน้าเพื่อตรวจสอบได้ แม้จะเชื่อใจแค่ไหนก็ไม่ควรชะระรวดเดียวเด็ดขาด แน่นอนว่าการชำระแต่ละงวดของงานก่อสร้างนั้นมีเกณฑ์มาตรฐาน ไว้ให้ตรวจสอบอยู่แล้ว
7. บริการหลังการขาย
   ต้องมีการรับประกันผลงานทั้งในระหว่างดำเนินงานอยู่ และหลังการส่งมอบงาน อาจจะมีระยะเวลากำหนดว่าหากเกิดความผิดพลาดจากตัวงาน ผู้ว่าจ้างหรือลูกค้าควรได้รับความรับผิดชอบจากทางบริษัท และการรับประกันผลงานดังกล่าวต้องอยู่ในสัญญาตั้งแต่แรก